
สารบัญ
วิธีชาร์จแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ดีไหม?
พลังงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของใครหลายคน พลังงานที่กล่าวถึงคือแบตเตอรี่ เป็นสิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ที่หลายคนขาดไม่ได้ นั่นคือสมาร์ทโฟน แน่นอนว่าสมาร์ทโฟนที่เราใช้ขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ ทำให้หลายคนให้ความสนใจในเรื่องของความจุของแบตเตอรี่รวมถึงอายุการใช้งานด้วยเพราะส่งผลต่อการใช้งานในแต่ละวัน และมีคำถามอีกข้อหนึ่งที่ทำให้หลายคนสงสัย และอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบตเตอรี่ และมีคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ บทความนี้จะพูดถึงการชาร์จแบตเตอรี่ และการยืดอายุแบตเตอรี่ รวมถึงปัจจัยที่ทำให้แบตเตอรี่ของเราหมดหรือเสื่อมเร็วขึ้น?
บทความนี้ขอพูดรวมๆ เกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ดีหรือไม่ ไม่ควรปล่อยให้แบตเหลือต่ำกว่านั้น ปัจจัยที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม การยืดอายุแบตเตอรี่ ฯลฯ
ความรู้เรื่องแบตเตอรี่ที่ต้องรู้
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ลิเธียมไอออน หรือ Li-Ion
รุ่นแบตเตอรี่ที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อื่นๆ ในปัจจุบัน เป็นแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมักใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา รถยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ เนื่องจากคุณลักษณะแบบชาร์จไฟได้ อย่ารอให้แบตเตอรี่หมด หรือชาร์จเต็มแล้วไม่ต้องถอดปลั๊กเมื่อชาร์จเต็ม ระบบไฟล์จะไม่ใส่แบตเตอรี่หากชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม ทำให้ไม่มีอาการของการชาร์จไฟเกิน
ค่าธรรมเนียม วัฏจักร (รอบการชาร์จแบตเตอรี่)
แบตเตอรี่จะมีการชาร์จแบบวงจร เป็นการชาร์จแบตเตอรี่เข้าเครื่องต่อครั้ง แบตเตอรี่ใหม่มีการนับรอบตามมูลค่าจริง ซึ่งหมายความว่าไม่จำเป็นต้องนับ 1 รอบทุกครั้งที่เสียบปลั๊กเพื่อชาร์จ แต่จะนับค่าจริง เช่น ชาร์จครั้งแรก 30% + ชาร์จครั้งที่สอง 70% รวมกันสูงสุด 100% นับเป็น 1 รอบ (แต่บางรุ่นไม่ได้ถ่ายจริงๆ) ซึ่งแบตมือถือส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 200-700 รอบนั้น หมายความว่าเราสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ประมาณ 200-700 ครั้ง ก่อนที่แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อม และเมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมความจุก็จะเริ่มลดลง ตัวอย่างเช่น ถ้าสภาพของแบตเตอรี่อยู่ที่ 80% ความจุจะลดลงตามไปด้วย ทำให้แบตเตอรี่ใช้พลังงานน้อยลง แม้ว่าระบบมือถือจะแจ้งว่าชาร์จเต็ม 100% แล้ว
ควรชาร์จแบตเตอรี่ความจุเท่าใดและต้องชาร์จจนเต็ม 100%? และมีผลอย่างไร?
แบตเตอรี่มีคำศัพท์ที่รู้จักสำหรับระบบการชาร์จ Depth of Discharge คือ ความลึกของประจุและการคายประจุ คือค่าที่ใช้หรือค่าการคายประจุ ตัวอย่างเช่น การใช้แบตเตอรี่จนแบตเตอรี่หมดหมายความว่า ค่า Depth of discharge เท่ากับ 100% และแบตเตอรี่มีการใช้งานถึง 30% ความลึกของการปลดปล่อย มันจะเป็น 70% ไปเรื่อยๆ ค่าการคายประจุนี้ ไม่ควรเกิน 80% นั่นคือแบตเตอรี่ของเราไม่ควรปล่อยต่ำกว่า 20% นั้นเอง
ย่อหน้าข้างต้นเป็นค่าที่ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่ลดต่ำลง สำหรับคำถามที่ว่า การชาร์จแบตไม่ควรเต็ม 100% จริงไหม? ถ้าทฤษฎีต้องตอบจริง เพราะผลการศึกษาหลายๆ อย่างระบุชัดเจนว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน การชาร์จสูงสุดที่ดีที่สุดควรเป็น 80% ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าการชาร์จเต็ม 100% แต่อย่างไร? เวลาใช้งานจริง ผู้ใช้ส่วนใหญ่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% เพราะต้องใช้งานตลอดทั้งวัน คงไม่ปล่อยให้ชาร์จแค่ 80% แล้วเอาออกแน่ๆ
ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์พกพาที่ใช้แบตเตอรี่ จึงเริ่มคิดค้นรูปแบบการชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่ เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่โดยใช้ระดับการชาร์จ (Charge Level) ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์ Apple iPhone ที่ใช้รุ่น ชาร์จเร็วเพื่อความสะดวกและช้าเพื่ออายุยืนหรือชาร์จเร็วเพื่อความสะดวกและชาร์จ ช้าเพื่ออายุยืน

กล่าวคือเมื่อความจุของแบตเตอรี่ต่ำกว่า 80% จะใช้โหมด Fast Charge แต่ถ้าแบตเตอรี่มีความจุ 80% ขึ้นไป ให้เปลี่ยนเป็นการชาร์จแบบช้า จะเริ่มลดค่าธรรมเนียม เพื่อยืดอายุการใช้งาน ลดการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ที่เกิดจากการชาร์จ
ปัจจัยที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
- ความร้อน
- การชาร์จ สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือแบตเตอรี่ไม่ควรถูกคายประจุจนเหลือ 0% และควรอย่างน้อย 30% จะเป็นการดีที่สุด ช่วงแบตเตอรี่ควรอยู่ที่ระบบ 30% – 80% แต่อย่ากังวลมากไปประมาณ 80% เพราะเป็นความรับผิดชอบของผู้ผลิตที่จะต้องคิดแบบนี้ในหลายๆ รูปแบบ ใช้ชาร์จได้ถึง 100% เลย
- ระดับแรงดันไฟชาร์จ แรงดันชาร์จยังส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ โดยปกติ อุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น โทรศัพท์มือถือจะมีระดับแรงดันไฟชาร์จมาตรฐานเป็นของตัวเอง ซึ่งหากใช้ต่ำกว่าหรือสูงกว่ามาตรฐาน ก็มีผลต่อจำนวนรอบเช่นกัน
อาการแบตเตอรี่เสื่อม
- ความจุของแบตเตอรี่น้อยลง คุณอาจสังเกตเห็นว่าแบตเตอรี่หมดแม้ว่าจะชาร์จเต็ม 100% แล้วก็ตาม
- เครื่องมีอาการบวมอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ขอบข้างแตกออก
- ไม่ชาร์จ
- ร้อนมากขณะชาร์จ
จะเก็บเครื่องที่ไม่ได้ใช้ เก็บไว้อย่างไร เพื่อรักษาสภาพแบตเตอรี่ให้ดีที่สุด?
คำถามอื่นเกี่ยวกับแบตเตอรี่ ว่าถ้าเราไม่ใช้งานเครื่องแล้วจะเก็บเครื่องไว้นาน ๆ แบตจะเสื่อมหรือไม่? และต้องทำอย่างไร เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่หากไม่ได้ใช้งาน การเก็บรักษาแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ สรุปได้ดีที่สุดดังนี้
- อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือ 0% และเก็บอุปกรณ์ไว้
- ไม่ควรชาร์จถึง 100% และเก็บไว้
- สิ่งที่ควรทำคือ ควรชาร์จแบตเตอรี่ที่ 50% ของความจุของแบตเตอรี่ และปิดเครื่อง เก็บไว้ในอุณหภูมิไม่ต่ำมากหรือสูงมาก หรือประมาณ 30 °C + – นิดหน่อย
- หากไม่ได้ใช้งานเครื่องเป็นเวลานาน ควรถอดเครื่องออกเพื่อชาร์จที่ 50% และปิดเครื่องทุกๆ 6 เดือน